ฤดูฝนได้เริ่มขึ้นแล้วใน เดือนมิถุนายน เช่นเดียวกันกับที่ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติทุกๆ ปี แต่เมื่อฝนตกต่อเนื่องกัน มันก้อทำให้ลำบากในการใช้ชีวิต ให้รู้สึกแย่ ที่จะต้องออกไปข้างนอก
เพื่อที่จะให้ใช้ชีวิตในฤดูฝนได้อย่างสะดวกสะบาย มีความสุขมากขึ้นเท่าที่เป็นไปได้ ฉันเลยคิดว่า จะจัดการกับเจ้าความชื้นในห้องอย่างไรดี ก่อนที่ต้องอยู่กับฝนตก อีกยาวนาน
■ทำไมถึงเกิดความชื้นสะสม

ในฤดูฝน วันที่มีฝนตกมากขึ้น ทำให้เกิดความชื้น ติดต่อกันหลายวัน โดยปกติ อุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้น้ำในอากาศระเหยขึ้นและค้างอยู่ในอากาศ เช่นเดียวกับในบ้าน ที่พอเกิดความชื้นขึ้นในบริเวณที่อากาศ อับหรือร้อน เช่นในตู้เสื้อผ้า ตามซอกเฟอร์นิเจอร์ด้านใน อากาศไม่มีการถ่ายเทที่ดีพอ จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้ง่าย
ความชื้นในวัสดุ ตามธรรมชาติจะเกิดบริเวณรอบๆ ที่มีน้ำ เช่น ที่ซักล้าง , ที่ทำอาหาร, และที่อาบน้ำ
ถ้าน้ำเย็นระเหยในแก้ว ด้านนอกของแก้วจะเกิดไอน้ำ และหยดน้ำ เช่นเดียวกับฤดูฝน ที่จำนวนน้ำระเหยในอากาศเพิ่มปริมาณมากขึ้น
เมื่ออากาศเข้าไปในห้อง และสัมผัสกับบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า เช่น เพดาน , ด้านหลังตู้เสื้อผ้า มันจะเกิดการรวมตัวกันของความชื้น
การรวมตัวกันของความชื้น มีผลต่อร่างกายมนุษย์ เช่น เป็นสาเหตุให้เกิดการเจริญเติบโตของ เชื้อรา และไรฝุ่น จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น การทำความสะอาด , การเช็ดเชื้อรา , เช็ดฝุ่นออก


■จัดการกับเจ้าความชื้นอย่างง่าย
“การใช้อุปกรณ์ทั้งหลาย ที่จะทำให้ห้องของคุณแห้ง”
การซักผ้าของคุณเป็นปัญหายุ่งยากมากในฤดูฝน? เนื่องจากฝนตกต่อเนื่องกัน ทำให้ต้องตากผ้าในที่ร่ม หรือในห้องแทน มันจะทำให้เกิดกลิ่นอับในห้อง ซึ่งก้อคือเกิดแบคทีเรีย โมแรเซลลา (Moraxella) และทำให้ความชื่นในห้องสูงขึ้นทันที และก่อให้เกิดปัญหา ความชื้นสะสม
มีเทคนิดที่ทำให้อากาศผ่าน ระหว่างผ้าที่ซักแล้ว ต้องทำให้ไอน้ำจากผ้าระเหยออกมาก และผ้าแห้งได้โดยง่าย คือ ต้องมีเครื่องเป่าให้อากาศหมุนเวียน เช่น พัดลม , พัดลมดูดอากาศ , แอร์คอนดิชั่นเนอร์
คุณสามารถทำให้ผ้าที่ตากในห้องแห้งเร็วขึ้น โดยเปิดพัดลมดูดอากาศในห้องน้ำ หรือ เปิดแอร์ โดยใช้ฟังชั่น ให้ลมหมุนเวียนในอากาศ เพื่อช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว
※Moraxella bacteria หรือ โมแรเซลลา แบคทีเรีย เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นอับชื้นของเสื้อผ้า หรือห้องที่อยู่อาศัย


ห้องน้ำเป็นอีกสถานที่ๆ มีความชื้นสูง มันจำเป็นมากที่ควรจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศ เช่นเดียวกับห้องนั่งเล่น , ห้องนอน ควรจะใช้เครื่องควบคุมความชื้น ช่วย

“อุปกรณ์สำหรับ กล่องเก็บรองเท้า”
ในช่วงฤดูฝน ความชื้นจะก่อนตัวขึ้นบริเวณทางเข้าในบ้าน มันจะซึมเข้าไปในรองเท้า จะเกิดความชื้นในรองเท้า ไม่แห้งง่ายๆ และเกิดกลิ่นอับได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณปล่อยไว้อย่างนั้น รองเท้าที่โปรดปรานของคุณก้อจะเสียหายได้โดยง่าย
ในกรณีเช่นนี้ การใช้กากกาแฟ หรือกากใบชา ช่วยในการดูดความชื้น หรือดูดกลิ่นอับ จะได้ผลไหม ถ้าใส่มันลงไปในกล่องรองเท้า ?
อย่างไรก้อตาม เราแนะนำว่า ถ้าใช้กากกาแฟ ให้กากใบชา ให้เปลี่ยนใหม่ทุก ๆ 1-2 วัน เนื่องจากมันจะดูดความชื้นได้ในระยะเวลานึง หรือ สามารถใช้เบคกิ้งโซดาก้อได้ ซึ่งสามารถดูดความชื้นได้นานกว่า
เพื่อให้ง่ายขึ้น คุณสามารถใส่ กากกาแฟ , กากใบชา หรือเบคกิ้งโซดา ใสถุงตาข่าย หรือในถุงเท้าที่ไม่ใช้แล้ว และวางในกล่อง หรือตู้รองเท้าได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหกออกมา และอีกวิธีคือ ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปั้นเป็นก้อนแล้วนำมายัดเข้าไปข้างในรองเท้า ช่วยดูดกลิ่นและความชื้นอีกทาง


“สร้างอากาศถ่ายเท”
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่บล๊อกกำแพงอยู่ ควรจะตั้งให้ห่างจากผนังกำแพงอย่างน้ำ 3-5 ซ.ม. เพื่อให้อากาศได้ผ่านเข้าออก ป้องกันการเกิดความชื้นและเชื้อรา ขอเพิ่มเติมว่า สำคัญมากเพื่อให้แน่ใจว่า เฟอร์นิเจอรืที่ใช้เก็บของ เช่น ตู้หนังสือ ,ตู้เสื้อผ้า ไม่ควรจะใส่ข้าวของอัดจนแน่นมากเกิดไป ควรมีพื้นที่เหลือไว้บ้าง เพื่อให้อากาศได้ผ่านเข้าออกได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฟอร์นิเจอร์ไม้ ต้องให้มีพื้นที่หายใจ บริเวณที่อากาศปิด ถ่ายเทไม่ดี ความชื้นสูง ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมให้เชื้อราเติบโตได้ง่ายแล้ว ยังเป็นสาเหตุให้ไม้เฟอร์นิเจอร์เสียหายได้ด้วยเช่นกัน ควรจะระมัดระวัง



“อย่างมองข้างห้องนอน”
ปริมาณเหงื่อที่ถูกขับออกมาขณะนอนหลับ ว่ากันว่า ทำกับปริมาณ 1 ถึง 1.5 ถ้วยต่อคืน สำหรับผู้ใหญ่ ดังนั้น ห้องนอน และเครื่องนอนมีแนวโน้ม ที่จะเกิดความชื้นได้
แนะนำว่า ควรระบายอากาศในห้องนอนสม่ำเสมอ และใช้นพื้นเตียงที่เป็นไม้ซีกๆ เพื่อช่วยที่นอนได้ระบายอากาศ และควรจะทำให้เครื่องนอนแห้งสนิทในช่วงหน้าฝน


“ระวังรอบๆหน้าต่าง”
ระหว่างฤดูฝน ต้องระวังสถานที่ๆ วางกระถางต้นไม้ ต้นไม้มีการหายใจ และปล่อยน้ำขึ้นสู่อากาศ ถ้าหากวางใกล้ๆ หน้าต่าง แน่นอนว่า จะก่อเกิดความชื้นขึ้นได้
เพื่อที่จะป้องกันการเกิดความชื้น และเชื้อรา ควรตั้งกระถางต้นไม้ให้ห่างจากบริเวณหน้าต่างออกมาเล็กน้อย และเอาต้นไม้ออกไปรับแดด ในวันที่มีแดด

“ฤดูฝน” เมื่อฝนตกติดต่อกันหลายวัน และอากาศชื้นแฉะ ทำให้คุณรู้สึกแย่ ฉันคิดว่าคนหลายๆ คน ก้อรู้สึกไม่ค่อยดี ในช่วงนี้ และนี่ก้อเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหน้าฝนถึงเป็นฤดูกาลที่แย่ที่สุดของปี
เพื่อที่จะอยู่ในฤดูกาลนี้ให้มีความสุขขึ้น แนะนำให้ลองรับมือกับความชื้นรอบๆ ตัวคุณให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ อย่างไรก้อตาม ฤดูฝนก้อยังคงเป็นฤดูแห่งความสวยงาม ชุ่มชื่น เป็นช่วงที่ดอกไฮเดรนเยียบาน การออกไปเดินในวันที่ฝนตกบ้าง ก้ออาจจะนำมาซึ่งความชุ่มช่ำของหัวใจ ที่ได้ใช้เวลาในฤดูฝน
